“ข้าวเหนียว” เป็นข้าวอีกประเภทหนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานกันในแถบภาคเหนือและภาคอีสาน เพราะมีแหล่งอาหารที่ให้พลังงานอย่างคาร์โบไฮเดรตช่วยให้อยู่ท้อง นอกจากนี้ ยังนำมาทำเป็นอาหารคาว-หวานได้ เช่น ขนมเทียนและขนมเข่ง ที่ใช้เป็นส่วนหนึ่งในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของคนไทยเชื้อสายจีน ทั้งยังสามารถนำมาหมักดองกับผักได้ หรือจะใช้ทำเป็นเหล้าก็ได้รับความนิยมเช่นกัน สำหรับสายพันธุ์ข้าวเหนียวที่ผู้คนนิยมรับประทาน ได้แก่ “ข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6” ที่ปลูกในภาคอีสาน, “ข้าวเหนียวเขี้ยวงู” ที่ปลูกในภาคเหนือ, “ข้าวเหนียวดำหรือข้าวก่ำ” ที่นิยมปลูกทั้งภาคเหนือและภาคอีสาน เป็นต้น ซึ่งในแต่ละสายพันธุ์นั้น จะให้รสสัมผัสที่เหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมที่ต่างกัน ขึ้นอยู่กับชนิดข้าวที่ทำการเพาะปลูกนั่นเองค่ะ
ในบทความนี้ เราจะขอแนะนำเกี่ยวกับวิธีการเลือกข้าวเหนียว รวมไปถึงสินค้ายอดนิยมที่ถูกจัดอับดับมาแนะนำกัน ที่สำคัญยังสามารถหาซื้อทางออนไลน์ได้ง่าย ๆ อีกด้วย ใครที่กังวลอยู่ว่าจะเลือกข้าวเหนียวแบบไหนดี ต้องติดตามบทความนี้ให้จบเลยนะคะ เพราะเรามีสาระดี ๆ ของข้าวเหนียวที่น่าสนใจมาให้อ่านกันเยอะเลย จะมีอะไรบ้างนั้น ไปดูพร้อมกันเลยค่ะ
"ข้าวเหนียว" เป็นข้าวที่มีความเหนียวนุ่มและมีเนื้อสัมผัสเฉพาะตัว แตกต่างจากข้าวสวยที่เรารับประทานกันโดยทั่วไป เนื่องจากในข้าวเหนียวมีสาร “อะไมโลเพกทิน (Amylopectin)” เป็นส่วนประกอบนั่นเองค่ะ โดยปกติในข้าวสวยจะมีอะไมโลเพกทินอยู่ประมาณ 80% ส่วนอีก 20% จะเป็นสารอะไมโลส (Amylose) แต่เมื่อเทียบกันกับข้าวเหนียวแล้ว อะไมโลเพกทินจะมีในข้าวเหนียวอยู่เกือบ 100% เลยทีเดียวค่ะ
โดยสาร “อะไมโลเพกทิน” จะเป็นตัวที่ทำให้ข้าวเหนียวมีลักษณะเหนียวนุ่มและเกาะตัวรวมกันเป็นก้อน แถมในอะไมโลเพกทินยังมีโครงสร้างที่แตกแขนงมากกว่าอะไมโลส จึงทำให้ต้องใช้เวลาในการย่อยนานกว่า และยังมีโครงสร้างของแป้งที่ทำให้เกิดกระบวนการย่อยได้ช้าที่เรียกว่า "แป้งต้านทานการย่อย (Resistant Starch)" จึงทำให้ข้าวเหนียวอยู่ท้องได้นานกว่าข้าวสวยค่ะ
นอกจากนี้ ข้าวเหนียวยังอุดมไปด้วย “กรดแพนโทเทนิก (Pantothenic Acid)” หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “วิตามินบี 5” และแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย ได้แก่ สังกะสี, ทองแดง, แมงกานีส, โมลิบดีนัม เป็นต้น โดยสารอาหารที่มีประโยชน์เหล่านี้จะมีประสิทธิภาพในการช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย รวมทั้งช่วยบำรุงผิวพรรรณให้สวยยิ่งขึ้นอีกด้วยค่ะ
เมื่อพูดถึงข้าวเหนียว หลายคนจะต้องนึกถึงเมนูแซ่บ ๆ อย่างข้าวเหนียวส้มตำ หรือเมนูของหวานในฤดูร้อนอย่างข้าวเหนียวมะม่วงราดด้วยกะทิ ซึ่งเป็นเมนูโปรดของใครหลายคน จนทำให้อยากลองซื้อข้าวเหนียวมาทำเมนูเหล่านี้ด้วยตัวเองบ้าง เราจึงมีเคล็ดลับดี ๆ ในการเลือกซื้อข้าวเหนียวอย่างไรให้หอม อร่อยและมีคุณภาพมาฝากกันค่ะ
การปลูกข้าวของไทยจะมี 2 แบบหลัก ๆ คือ "แบบนาปี" และ "แบบนาปรัง" โดยการปลูกข้าวแบบนาปีจะทำในช่วงฤดูฝน และจะทำการเก็บเกี่ยวในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนมกราคม ส่วนการปลูกข้าวแบบนาปรังจะสามารถปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่จำเป็นต้องอาศัยแสงและน้ำจากชลประทานในการปลูกข้าว และเมื่อถึงช่วงเวลาเกี่ยวข้าว หากคุณซื้อข้าวเหนียวในปีที่เก็บเกี่ยวและเพิ่งขัดสีออกมา คุณจะได้ข้าวเหนียวใหม่ที่มีกลิ่นหอม เหนียวนุ่มและมีรสชาติดี ดังนั้น ก่อนซื้อทุกครั้งจึงควรตรวจสอบปีที่เก็บเกี่ยวให้ดี เพื่อให้ได้ข้าวเหนียวที่ยังใหม่และหอมอร่อยค่ะ
ในส่วนของวันหมดอายุของข้าวเหนียวนั้น โดยทั่วไป ข้าวสวยและข้าวเหนียวจะถูกจัดเป็นผลผลิตทางการเกษตรที่เหมือนกันกับผักและผลไม้ ซึ่งจะมีการระบุวันที่ผลิตไว้ข้างบรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณวันหมดอายุ หากเป็นข้าวที่มีการจำหน่ายตามซูเปอร์มาร์เก็ต จะมีการระบุระยะเวลาที่สามารถบริโภคได้เอาไว้ประมาณ 6 - 12 เดือน แต่หากเป็นข้าวเหนียวที่ขายตามท้องตลาด จะไม่มีการระบุวันหมดอายุของข้าวเอาไว้อย่างชัดเจน ทำให้ทราบวันที่ผลิตและอาจจะคำนวณวันหมดอายุได้ยาก ดังนั้น การซื้อข้าวเหนียวต้องดูปีที่เก็บเกี่ยวและเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีการระบุวันผลิตให้ชัดเจนด้วยนะคะ
ทั้งนี้ คุณควรบริโภคข้าวเหนียวให้หมดภายใน 2 สัปดาห์ เพราะหลังจากนั้นอาจจะทำให้ความอร่อยของข้าวลดลงไป เพื่อเป็นการรักษาคุณภาพข้าวให้อยู่นานยิ่งขึ้น ควรเก็บรักษาข้าวไว้ในภาชนะที่ปิดมิดชิดและเก็บรักษาไว้ในที่เย็น เพียงเท่านี้ก็จะสามารถรักษาคุณภาพของข้าวเหนียวให้อร่อยและยืดระยะเวลาไปได้อย่างยาวนานค่ะ
มีหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อรสชาติของข้าวโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ข้าว พื้นที่เพาะปลูก ไปจนถึงปีที่เก็บเกี่ยว ซึ่งพันธุ์ข้าวเหนียวในไทยที่อร่อยและเป็นที่รู้จักกันดีนั้น ส่วนใหญ่จะปลูกมากในภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น พันธุ์สันป่าตอง, พันธุ์เขี้ยวงู, พันธุ์ กข.6, พันธุ์สกลนคร เป็นต้น
ทั้งนี้ ข้าวเหนียวไม่ได้มีการปลูกเฉพาะในไทยเท่านั้น แต่ยังมีการปลูกในอีกหลายประเทศ ได้แก่ คาบสมุทรเกาหลี, จีน, ฟิลิปปินส์, ญี่ปุ่น, ลาว, เวียดนาม, สหรัฐอเมริกา เป็นต้น ซึ่งการจำหน่ายข้าวในประเทศไทย ส่วนใหญ่จะทำการจัดจำหน่ายผ่านทางซูเปอร์มาร์เก็ตหรือทางตลาดสดทั่วไป ซึ่งข้าวเหนียวในตลาดอาจถูกพบว่าเป็นพันธุ์ข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านของเราและมีราคาถูกกว่า แต่รสชาติจะไม่อร่อยเท่ากับข้าวที่ปลูกในไทย อีกทั้งหลังจากที่เก็บเกี่ยวแล้วต้องใช้เวลานานในการขนส่ง ด้วยเหตุนี้เอง จึงทำให้คุณภาพหรือรสชาติของข้าวที่นำเข้าด้อยลงไป หากซื้อข้าวเหนียวจากแหล่งตลาด คุณควรตรวจสอบให้ดีว่าเป็นข้าวจากที่ไหน มีความสะอาดเพียงพอหรือไม่และเพื่อให้ได้ข้าวเหนียวที่ถูกหลักสุขอนามัย ขอแนะนำให้เลือกซื้อจากแหล่งจำหน่ายที่น่าเชื่อถือจะดีที่สุดค่ะ
เมื่อพูดถึงเรื่องของการค้าและการส่งออกข้าวเหนียว ประเทศไทยถือเป็นอีกประเทศในแถบเอเชียที่มีการผลิตและส่งออกข้าวเหนียวมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก เนื่องจากเป็นข้าวเหนียวคุณภาพดี มีรสชาติอร่อยถูกปากชาวต่างชาติและมีราคาที่ย่อมเยา จึงส่งผลให้ข้าวเหนียวของไทยกลายเป็นที่ต้องการในตลาดของต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม การปลูกข้าวจะมีช่วงระยะเวลาการเก็บเกี่ยวที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสภาพภูมิอากาศและพื้นที่ที่ทำการเพาะปลูก จึงส่งผลให้คุณภาพและราคาของข้าวที่ทำการส่งออกแตกต่างกันไปด้วย ดังนั้น นอกจากจะอ้างอิงในเรื่องของราคาแล้ว อย่าลืมอ่านรีวิวจากกลุ่มผู้บริโภคก่อนการตัดสินใจซื้อด้วยนะคะ
ข้าวเหนียวเองก็มีหลากหลายสายพันธุ์ไม่แพ้ข้าวสวยเลยค่ะ ซึ่งสายพันธุ์ที่ได้รับความนิยมและถูกหยิบมาแนะนำต่อจากนี้ อาจจะเป็นสายพันธุ์ที่หลายคนคุ้นหูหรือเคยรับประทานกันมาก่อนแล้วก็ได้ จะมีสายพันธุ์อะไรบ้างนั้น ถ้าพร้อมแล้วมาดูกันเลยค่ะ
เมื่อพูดถึง “ข้าวเหนียวเขี้ยวงู” หลายคนคงจะนึกถึงข้าวเหนียวทุเรียนราดกะทิที่นิยมทานกันในช่วงฤดูร้อนใช่ไหมคะ ? ข้าวเหนียวเขี้ยวงูถูกขนานนามให้เป็น "ราชาแห่งข้าวเหนียว" นิยมปลูกมากในภาคเหนือ ด้วยสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย จึงทำให้ข้าวเหนียวชนิดนี้มีลักษณะเป็นเมล็ดสวย เรียวยาว เมื่อนึ่งสุกแล้วข้าวจะมีสีขาว เรียงตัวสวย ไม่แตกเละ เนื้อนุ่ม กลิ่นหอม และขึ้นเงาสวย ข้าวเหนียวชนิดนี้นิยมทำเป็นของหวานมากมาย เช่น ข้าวเหนียวมูน, ข้าวเหนียวแก้ว, ข้าวเหนียวสังขยา เป็นต้น อีกทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่มีประโยชน์แก่ร่างกายอีกด้วย
"ข้าวเหนียวพันธุ์ กข.6" เป็นข้าวเหนียวอีกพันธุ์ที่มีชื่อเสียงและมีคุณภาพดี นิยมปลูกกันในภาคเหนือและภาคอีสาน เช่น อุดรธานี, สกลนคร, เชียงราย, เชียงใหม่ เป็นต้น ข้าวชนิดนี้มีลักษณะเป็นเมล็ดเรียวยาว สีขาว ปลูกแล้วจะให้ผลผลิตสูง เมื่อนำไปนึ่งจะให้ความเหนียวนุ่มและหอมอร่อยเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีสารอาหารและแร่ธาตุต่าาง ๆ ที่มีประโยชน์ เช่น วิตามินบี 5, สังกะสี, แมงกานีส เป็นต้น
"ข้าวเหนียวพันธุ์ลืมผัว" จัดอยู่ในตระกูลข้าวเหนียวก่ำ ลักษณะสีม่วงอมดำ เมื่อนำไปนึ่งจะมีความเหนียวนุ่มและอร่อยจนหยุดรับประทานไม่ได้ ไม่เพียงแต่มีรสชาติที่ดีเท่านั้น แต่ข้าวเหนียวลืมผัวยังมีคุณค่าทางโภชนาการที่สูง เพราะมีสารอาหารและแร่ธาตุที่มีประโยชน์มากมาย ได้แก่ สังกะสี, โอเมก้า 3, แมงกานีส และมีสารต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant) ที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้ข้าวเหนียวชนิดนี้ทำเป็นเมนูของหวานที่หลายคนรู้จักกันดี อย่างข้าวเหนียวดำน้ำกะทิมะพร้าวอ่อนได้อีกด้วย
"ข้าวเหนียวสันป่าตอง” นิยมปลูกกันมากในภาคเหนือ ข้าวชนิดนี้ให้ผลผลิตดี ออกรวงไว ด้วยความเหมาะสมทางสภาพภูมิอากาศและความอุดมสมบูรณ์ทางพื้นที่เพาะปลูก จึงทำให้ได้ข้าวเหนียวที่มีคุณภาพดี ให้เนื้อสัมผัสที่เหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ จึงเป็นอีกสายพันธุ์หนึ่งที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาก อีกทั้งมีคุณค่าทางสารอาหารต่าง ๆ เช่น วิตามินอี, ฟอสฟอรัส, แคลเซียม, ธาตุเหล็ก และช่วยรักษาสมดุลของร่างกายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในไทยมีการจำหน่ายข้าวเหนียวในปริมาณที่หลากหลาย โดยมีตั้งแต่ 1 กิโลกรัม ไปจนถึง 10 กิโลกรัม หรือหากเป็นตามร้านขายข้าวสารทั่วไป ก็จะมีการตักแบ่งขายเป็นถุงหรือขายเป็นกระสอบ เพื่อให้ผู้บริโภคได้เลือกซื้อในปริมาณที่ต้องการ ดังนั้น อย่าลืมตรวจสอบปริมาณบรรจุที่ข้างถุง และซื้อในปริมาณที่พอดีกับความต้องการนะคะ
หากคุณไม่ได้บริโภคข้าวเหนียวทุกวัน หรือไม่ได้ต้องการทำเป็นอาหารคาว-หวานทีละมาก ๆ ปริมาณที่เหมาะสมที่สุดในการซื้อ คือ 1 กิโลกรัมต่อครั้งค่ะ เพราะจะทำให้ได้ข้าวเหนียวที่ยังใหม่และหอมอร่อย แต่ถ้าในบ้านของคุณมีจำนวนสมาชิกในครอบครัวมากและมักจะบริโภคข้าวเหนียวอยู่เป็นประจำ ก็ควรซื้อข้าวเหนียวในปริมาณที่มากขึ้น เพื่อความสะดวกและจะได้เหมาะสมกับสมาชิกในบ้าน อย่างไรก็ตาม เพื่อรักษาคุณภาพและความอร่อยของข้าวเหนียวเอาไว้ คุณควรซื้อในปริมาณที่สามารถบริโภคให้หมดได้ภายใน 1 เดือนแทนการซื้อในปริมาณมากและเก็บไว้จนนานเกินไป เพราะอาจทำให้คุณภาพและความอร่อยของข้าวเหนียวด้อยลงได้ค่ะ
สำหรับราคาของข้าวเหนียวตามท้องตลาดจะมีการกำหนดราคาดังนี้ เช่น ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม ราคาประมาณ 45 - 50 บาท, 5 กิโลกรัม ราคาประมาณ 250 - 300 บาท และ 10 กิโลกรัม ราคาประมาณ 450 - 500 บาท เป็นต้น ซึ่งการกำหนดราคาของข้าวเหนียวจะขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูก พันธุ์ข้าว และวิธีการปลูก ดังนั้น เวลาซื้อข้าวเหนียวให้ลองคำนวณในปริมาณ 1 กิโลกรัมดู เพื่อที่คุณจะได้เปรียบเทียบราคาในการซื้ออย่างง่ายดายยิ่งขึ้นค่ะ
การปลูกข้าวชนิดต่าง ๆ รวมถึงข้าวเหนียว จะมีการใช้ยาหรือสารเคมีอยู่เป็นประจำ เช่น ยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าเชื้อราและยาฆ่าแมลง โดยเกษตรกรจะเริ่มใช้สารดังกล่าวตั้งแต่ช่วงปลูกต้นกล้า ช่วงระหว่างการปลูกข้าว ไปจนถึงช่วงการเก็บเกี่ยว ทำให้พืชผักหรือข้าวที่เป็นผลิตผลทางการเกษตรอาจมีสารเคมีตกค้างอยู่ ด้วยเหตุนี้ จึงได้มีการกำหนดปริมาณการใช้สารเคมีเอาไว้ไม่ให้เกินมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคส่วนใหญ่ก็ยังคงต้องเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยจากสารเคมีให้มากที่สุด เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายค่ะ
ในปัจจุบัน มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าวและผู้ขายบางรายได้ออกมาจำหน่ายข้าวเหนียวที่ปลูกโดยใช้ปุ๋ยอินทรีย์ หรือที่เราเรียกกันจนติดปากว่าว่า "ข้าวออร์แกนิก" ซึ่งเป็นการ "ปลูกข้าวโดยไม่ใช้สารเคมี" อย่างเช่น ปุ๋ยเคมี, สารกำจัดศัตรูพืช เป็นต้น จึงทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกเพิ่มมากขึ้นค่ะ
สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา" หรือ "อย." ก่อน โดยนอกจากอย. แล้ว ยังมีการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ เพิ่มเติมอีกมากมาย ได้แก่ "GMP" มาตรฐานการควบคุมการผลิตอาหารให้ปลอดภัยแก่ผู้บริโภค, "JAS" มาตรฐานการรับรองจากญี่ปุ่น ซึ่งจะรับรองเฉพาะสินค้าทางการเกษตรที่เพาะปลูกโดยไม่ใช้สารกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมีเป็นเวลามากกว่า 3 ปี ทำให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ปลูกจากธรรมชาติ และเป็น "การลดใช้สารเคมีต่าง ๆ" ที่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค ดังนั้น เพื่อเป็นการรับประกันว่าคุณจะได้บริโภคผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัยและมีคุณภาพ เราแนะนำให้เลือกซื้อสินค้าที่มีการรับรองจากทาง "อย." หรือจากสถาบันอื่น ๆ ที่รับรองร่วมด้วย โดยให้สังเกตสัญลักษณ์บนฉลากผลิตภัณฑ์ทุกครั้งนะคะ
มาถึงช่วงการจัดอันดับสินค้า 10 อันดับที่ทุกคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยกันแล้วนะคะ ซึ่งทางทีมงานมายเบสท์ก็ได้รวบรวมเอาข้าวเหนียวหลากหลายสายพันธุ์ที่นิยมมาฝากคุณผู้อ่าน เพื่อให้ใช้เป็นแนวทางในการเลือกซื้อข้าวเหนียวที่ถูกอกถูกใจกันค่ะ จะมียี่ห้อไหนบ้างนั้น ไปดูกันเลย !
ข้าวเหนียวดำ 100% ถุงนี้ ช่วยเพิ่มความอร่อยกับคุณได้ทุกมื้อ รับประกันในความสะอาดและปลอดภัย ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้คนที่รักสุขภาพและชอบผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์เลยล่ะค่ะ อุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหาร ได้แก่ วิตามินดี, ธาตุเหล็ก, แมงกานีส, แมกนีเซียม และไฟเบอร์ที่ช่วยในการขับถ่าย อีกทั้งช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง พร้อมทั้งสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านโรคต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีค่ะ
ข้าวเหนียวสายพันธุ์ข้าวประจำจังหวัดแพร่ ที่ผ่านกรรมวิธีการผลิตแบบออร์แกนิค มีคุณค่าทางโภชนาการสูงกว่าข้าวขาว 2 - 3 เท่า ทั้งยังมีวิตามินอี และสารประกอบต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ลดคอเลสเตอรอล ป้องกันการเกิดมะเร็ง เป็นต้น เมล็ดข้าวเมื่อนึ่งออกมาแล้วจะมีลักษณะอ่อนนุ่ม เหนียวกำลังดี ทานง่าย และเหมาะกับทุกเพศทุกวัย โดยเฉพาะผู้ที่ต้องการทานอาหารเพื่อสุขภาพค่ะ
ข้าวเหนียวพันธุ์ลืมผัวยี่ห้อนี้ เพาะปลูกโดยวิธีการแบบเกษตรอินทรีย์ จึงทำให้ได้เมล็ดข้าวที่ปราศจากสารเคมีและปลอดภัยกับผู้บริโภคอย่างแท้จริง อีกทั้งทางผู้ผลิตยังได้ทำการสีข้าวด้วยตัวเองในปริมาณที่พอเหมาะในแต่ละครั้ง เพื่อให้ได้ข้าวที่มีความสดใหม่วางจำหน่ายอยู่เสมอ แถมยังอุดมไปด้วยประโยชน์มากมาย เช่น ไฟเบอร์, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส, วิตามินเอ เป็นต้น จะนำไปนึ่งหรือทำขนมหวานก็อร่อยล้ำ เรียกได้ว่าคุณภาพเต็มเปี่ยมสุด ๆ ค่ะ
ถือเป็นข้าวเหนียวอีกยี่ห้อที่ใคร ๆ ต่างก็พูดถึงในเรื่องของความอร่อย เพราะเป็นข้าวเหนียวสายพันธุ์สันป่าตองที่คนไทยนิยมรับประทาน ซึ่งทางผู้ผลิตได้คัดสรรเอาแต่เมล็ดข้าวที่อวบสวย ได้คุณภาพ ที่ผ่านการดูแลอย่างดีขณะเพาะปลูก เมื่อนำไปนึ่งจะได้ข้าวเหนียวที่หอมกรุ่น รสชาติอร่อย สัมผัสนุ่มกำลังดี ตั้งแต่ครั้งแรกที่นึ่ง เหมาะสำหรับนำไปประกอบทำเมนูอาหารคาวและของหวานได้อย่างหลากหลาย โดยคุณสามารถมั่นใจได้ในเรื่องของคุณภาพและการรับรองจากสถาบันต่าง ๆ ที่น่าเชื่อถือมากมายค่ะ
ข้าวเหนียวเขี้ยวงูยี่ห้อนี้ ได้ทำการคัดสรรเมล็ดข้าวด้วยความพิถีพิถัน จากแหล่งเพาะปลูกข้าวที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด จนได้ข้าวเหนียวที่มีลักษณะเรียงตัวสวย กลิ่นหอมชวนลิ้มลอง เนื้อนุ่ม เคี้ยวเพลินและอร่อยเกินคาด จะนำไปนึ่งรับประทานกับส้มตำไก่ย่างก็อร่อย หรือจะเอาไปทำเมนูอาหารคาว-หวานอื่น ๆ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังทั้งในด้านของรสชาติและคุณภาพค่ะ อีกทั้งคุณยังได้รับประโยชน์ดี ๆ อย่างวิตามินบี 5, วิตามินบี 1และบี 2, ไฟเบอร์, ธาตุเหล็กและสังกะสีอีกด้วยค่ะ
เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ข้าวเหนียวเขี้ยวงูยี่ห้อดังของไทย ที่ทางผู้ผลิตให้ความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียดตั้งแต่ขั้นตอนการเก็บเกี่ยวจากนาข้าว จนกระทั่งออกมาเป็นผลิตภัณฑ์ข้าวเหนียวที่มีเมล็ดข้าวสีขาว เรียวยาวราวกับเขียวงู ที่เมื่อนำไปนึ่งแล้วจะได้เมล็ดข้าวที่มันวาวและหอมนุ่ม เหมาะสำหรับทำเมนูของหวาน เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน, ข้าวหลาม หรือจะทำเป็นเมนูข้าวหมากที่หวานสดชื่นก็อร่อยอย่าบอกใคร นอกจากนี้ ยังสามารถเอามานึ่งทานกับเมนูอาหารภาคอีสานก็ฟินครบทุกรสชาติอีกด้วยค่ะ
ข้าวเหนียวยี่ห้อนี้เป็นข้าวเหนียวพันธุ์ดีที่ผ่านการเพาะปลูกตามธรรมชาติ อุดมไปด้วยคุณค่าทางอาหารต่าง ๆ ที่ดีต่อร่างกายของคนเรา ทั้งวิตามินเอ, วิตามินบี 1, แคลเซียมและธาตุเหล็ก ที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ คุณยังสามารถให้ความไว้วางใจในตัวผลิตภัณฑ์ได้โดยสนิทใจ เพราะผู้ผลิตได้นำข้าวเหนียวไปผ่านกระบวนการผลิตที่สะอาดและปลอดภัยในทุกขั้นตอน ช่วยให้สารอาหารคงอยู่อย่างครบถ้วน จะนำไปประกอบเป็นเมนูไหนก็หายห่วงค่ะ
หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบข้าวเหนียวเป็นทุนเดิม ต้องไม่พลาดข้าวเหนียวใหม่สายพันธุ์เขี้ยวงูยี่ห้อนี้เลยค่ะ เพราะทางผู้ผลิตคัดสรรเฉพาะเมล็ดข้าวเกรด AAA ที่พึ่งเก็บเกี่ยวได้ไม่นานเท่านั้น เพื่อให้ได้ข้าวเหนียวรสชาติดีที่มีความสดใหม่ เนื้อเหนียวนุ่ม มันวาว สีขาวสวย และมีกลิ่นหอมที่พิเศษกว่าข้าวเหนียวอื่น ๆ ทำให้ไม่ว่าจะนำไปประกอบเป็นเมนูอะไรก็ล้วนแล้วแต่น่ารับประทานแทบทั้งสิ้นเลยล่ะค่ะ
ข้าวเหนียวเขี้ยวงูจากภาคเหนือยี่ห้อนี้ เป็นข้าวเหนียวที่ผ่านการคัดพิเศษจากแหล่งเพาะปลูกอันอุดมสมบูรณ์ ผ่านขั้นตอนการผลิตที่เอาใจใส่แบบวัฒนธรรมล้านนา เพื่อให้ได้เมล็ดข้าวที่ขาวสะอาด สวยงามทุกเมล็ด และอุดมไปด้วยคุณประโยชน์ที่ดีต่อร่างกาย ก่อนบรรจุลงในหีบห่อที่มีคุณภาพ ช่วยให้กักเก็บความสดใหม่ของข้าวให้คงอยู่อย่างยาวนาน เมื่อนำมานึ่งจะได้เมล็ดข้าวเรียวยาว เหนียว นุ่มและหอมเย้ายวนใจ พร้อมสำหรับการรังสรรค์เป็นเมนูคาว-หวานที่น่ารับประทานมากมายเลยล่ะคะ
ผลิตภัณฑ์ข้าวเหนียวดำยี่ห้อนี้ ให้ทั้งสัมผัสที่นุ่มและความหอมอร่อย ด้วยความที่เป็นข้าวเหนียวดำ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ใส่ใจสุขภาพ เพราะมีแร่ธาตุและวิตามินมากมายที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 5, ธาตุเหล็ก, แคลเซียม, สังกะสี ซึ่งเป็นตัวช่วยในการรักษาสมดุลให้กับร่างกาย ในขณะเดียวกัน ก็ยังช่วยลดความเครียด สร้างความผ่อนคลายและภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง นอกจากนี้ ยังสามารถนำไปทำเป็นเมนูคาวและหวานได้ด้วยค่ะ
เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับบทความนี้ ? ต้องบอกว่าข้าวเหนียวนั้น เป็นข้าวที่ผู้คนนิยมบริโภคมากรองจากข้าวหอมมะลิเลยค่ะ เพราะสามารถใช้ทำเป็นอาหารคาวหรือหวานได้มากมาย เช่น ข้าวเหนียวมะม่วง-ทุเรียน ของหวานสุดโปรดของใครหลายคน หรือขนมเทียนและขนมเข่งที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้เจ้าในช่วงเทศกาลตรุษจีน เป็นต้น แถมยังสามารถนำมาหมักดองกับผักต่าง ๆ ได้อีกด้วย
สิ่งที่ขาดไม่ได้ในการซื้อข้าวเหนียวเลยก็คือ การตรวจสอบความน่าเชื่อถือจากทางร้านค้า โดยการสังเกตเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย เช่น เครื่องหมายอย. หรือเครื่องหมายของหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อให้สามารถมั่นใจว่าข้าวเหนียวที่คุณกำลังบริโภคอยู่มีคุณภาพที่ดีอย่างแท้จริงค่ะ หวังว่าบทความนี้จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ดีและถูกใจกันได้นะคะ